สามเกลอรีมิกซ์ 2 / สามเกลอข้ามมิติ
Home Page
samgler connection members information discuss library misc. web board contact us

กระดานสนทนาสามเกลอ (Read Only)



สามเกลอรีมิกซ์ 2 / สามเกลอข้ามมิติ
1 / จดหมายจากแดนไกล

เช้าตรู่ในฤดูหนาว อากาศกำลังเย็นสบาย พระอาทิตย์กำลังชักรถอย่างเกียจคร้านโผล่ขึ้นมาทางทิศตะวันออก โผล่มาได้นิดหนึ่งก็ผลุบกลับลงไปอีก ไก่โต้งตัวหนึ่งกำลังจะโก่งคอขันเพื่อรับแสงตะวันแรกชะงักกึก มันทำหน้าฉงนเล็กน้อยก่อนที่จะย่อเข่าลงนั่งชูคอดูว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นเมื่อไรแน่ เจ้าโต้งตื่นตั้งแต่ตี 4 กว่า ๆ เนื่องจากวันนี้มันเข้าเวรขันตอนเช้า
นกฮูกสีมอ ๆ ตัวหนึ่งบินกระปลกกระเปลี้ยมาจากขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ท่าทางของมันดูอ่อนล้า ปากของมันคาบอะไรบางอย่าง มันสอดส่ายสายตาไปตามบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง เจ้านกฮูกขยับปีกร่อนลงมาที่คอกไก่เบื้องล่างวางของที่คาบมาลงบนพื้น
เจ้าโต้งตัวเมื่อครู่หันมามองนกฮูกตัวนั้น มันทำคอดุ๊กดิ๊ก ๆ ตามประสาไก่แล้วลุกขึ้นมองด้วยสายตาสนเท่ห์ บัดนี้ ตัวอักษรตัวแรกกับตัวสุดท้ายของพยัญชนะสยามกำลังยืนมองหน้ากัน
เจ้าโต้งเดินวนไปรอบ ๆ ตัวนกฮูกช้า ๆ พร้อมกับมองสำรวจไปในตัว เจ้าฮูกหมุนคอตามไปครึ่งรอบแล้วก็หันหัวกลับไปอีกข้างหนึ่งเพื่อจะมองตามเจ้าโต้ง เจ้าสัตว์สองตัวสนทนากัน
“หูก หูก ฮูก (มองอะไรวะ)”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก (ตัวอะไรวะ)
“หุก หูก หุก หูก ฮู้ก (แกไม่รู้จักเรอะว่าข้าเป็นใคร)”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก (ไม่รู้จักว่ะ)”
“หู้ก หุก ฮู้ก (ข้าคือนกฮูก)”
“ก๊าก กั่ก กั่ก กั่ก กั่ก (ก๊าก กั่ก กั่ก กั่ก กั่ก)” เจ้าโต้งหัวเราะลงลูกคอร่วน
“ก๋ออออออ กู้กกกกกกก (อ๋ออออออ นกฮูกกกกกกก)” เจ้าโต้งลากเสียงยาว

เพื่อความสะดวกของท่านผู้อ่านและตัวข้าพเจ้าผู้เขียนเอง ข้าพเจ้าจะขอแปลคำสนทนาของนกฮูกกับเจ้าโต้งให้ท่านผู้มีเกียรติอ่านจะดีกว่า

เจ้าโต้งเดินวนรอบเจ้าฮูกจนครบสามรอบทักษิณาวัตรแล้วจึงหยุดยืนต่อหน้า
“ก๊อก ก๊อก แกมาจากไหนกัน ท่าทางจะบินมาไกลเชียว”
เจ้าฮูกก้มหน้าไซร้ปีกตัวเองชั่วครู่แล้วเงยหน้าขึ้นตอบ
“หูก ฮูก ข้ามาจากบางกอกนี่แหละ แต่บินลัดฟ้ามาไกล จะเอาจดหมายมาส่ง พี่โต้งรู้จักบ้านนี้ไหมล่ะ”
เจ้าฮูกก้มตัวใช้จงอยปากดันแผ่นกระดาษ ซึ่งบัดนี้ก็คือจดหมายฉบับหนึ่งให้เจ้าโต้งดู เจ้าโต้งยืนมองชั่วครู่แล้วทำตาปริบ ๆ
เจ้าฮูกหัวเราะหึ ๆ ขยับเดินอุ้ยอ้ายมายืนเคียงข้างเจ้าโต้งแล้วอ่านหน้าซองให้ฟัง
“เรียน
ดร.ดิเรก ณรงค์ฤทธิ์
บ้านสี่สหาย พระนคร”

เจ้าโต้งพยักหน้าหงึก ๆ
“งั้นแกก็มาถูกที่แล้ว ที่นี่คือบ้านสี่สหาย และ ดร.ดิเรก ก็คือเจ้านายของพวกเราเอง แต่ตอนนี้ท่านยังไม่ตื่นนอนหรอก”
เจ้าฮูกเงยหน้าไปมองยังตึกใหญ่
“แล้วท่านนอนอยู่ห้องไหนล่ะ”
เจ้าโต้งยกปีกชี้ให้เจ้าฮูกดู เจ้าฮูกเงยหน้ามองตามก่อนที่จะก้มลงคาบจดหมายบินขึ้นไปบนตึกใหญ่ มันเดินเตาะแตะไปที่ประตูห้องของนายแพทย์หนุ่ม สอดซองจดหมายลอดช่องประตู แล้วโผลงมาหาเจ้าโต้งอีกครั้ง
“เสร็จธุระของข้าแล้ว ขอพักที่คอกนี้สักวันได้ไหม บินมาไกลเหนื่อยเหลือเกิน
“เจ้าโต้งพยักหน้าอณุญาติ เจ้าฮูกเดินเตาะแตะเข้าไปในกองฟางอันอบอุ่น มันย่อขาลงและหลับตานอนด้วยความอ่อนเพลีย
ดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว เจ้าโต้งโก่งคอขันเจื้อยแจ้วติดต่อกัน 4 – 5 ครั้ง แล้วไอแค้ก ๆ ก่อนจะเดินกลับไปนอนต่อในรังของมัน

นายแพทย์หนุ่มคลี่กระดาษสีเหลืองในซองจดหมายออกมาอ่าน เขาทำหน้าฉงนเมื่ออ่านข้อความในกระดาษนั้น เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เอ่ยถาม
“มีอะไรหรือเจ้าหมอ ไหงถึงทำหน้าเหมือนกินยาถ่ายอย่างนั้น”
ดร.ดิเรกยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้พ่อตาของเขา
“จดหมายจากหลวงโอสถสภา โอสถสภาที่ไหนก็ไม่ทราบนะครับคุณพ่อ เขาบอกว่าเขาต้องการพบพวกเราด่วนมากเพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ซึ่งไม่สามารถแจ้งทางจดหมายได้ ต้องไปพบกับเขาโดยจะส่งรถมารับพวกเราในคืนวันพรุ่งนี้เวลา 20.00 น.”
นายพัชราภรณ์หยิบจดหมายมาดู
“เอ นี่มันหน่วยงานอะไรวะอ้ายหมอ”
นายพัชราภรณ์ชี้นิ้วไปที่หน่วยงานตรงมุมหัวกระดาษ
“ชื่อ ร.ส.ช. คุ้น ๆ หูอยู่นา”
พลพลิกไปอ่านด้านหลัง
“ตรงนี้ระบุชื่อของพวกเราที่ถูกเชิญไว้ครบครัน กัน อ้ายการ อ้ายเสี่ย คุณอา เอ็ง บ๊ะ อ้ายแห้วก็มี”
เจ้าแห้วยกมือทาบอกทำตาโต
“รับประทาน กระผมก็ได้รับเชิญด้วยหรือครับ อุ๊ยตาย สงสัยจะดังเสียแล้วมั้งเรา”
นิกรรับจดหมายจากพลมาอ่าน
“อ้ายหมอ ข้าว่ามันแปลก ๆ อยู่นาอ้าย ร.ส.ช. นี่มันอยู่ตรงไหน”
ดร.ดิเรกกล่าวกับนายจอมทะเล้น
“อืม เป็นแปลกมาก ๆ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หลวงโอสถสภานี่เป็นใครก็ไม่รู้จัก อ้ายกรแกพอจะรู้จักไหมวะ”
นายจอมทะเล้นเลิกคิ้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับอ่านจดหมายอีกครั้ง
“ไม่รู้จักเลยว่ะอ้ายหมอหมอ ใช่คนที่ขายยาอมโบตันหรือเปล่าวะ”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้น ตาคนนั้นเขาชื่อนายเฮงหยู แซ่เต็กว้อย เออ แปลกมาก ตามจริงเขาน่าจะเชิญเจ้าหมอไปเพียงคนเดียว ไม่น่าเชิญพวกเราไปกันหมดทั้งโขยงอย่างนั้น”
นายจอมทะเล้นเอ่ยแทรก
“อย่างไรก็ช่างมันเถอะครับ ผมว่าเขาน่าจะมีเรื่องสำคัญมากนะครับจึงได้เชิญพวกเรามาเป็นการลับเช่นนี้ อาจจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกเราด้วยก็ได้”
ดร.ดิเรกกล่าวกับคณะพรรค
“ถ้าเช่นนั้นก็เตรียมตัวก็แล้วกัน พรุ่งนี้สองทุ่มตรง ดีเหมือนกัน ขากลับจะได้ตระเวณราตรีสักหน่อย พวกเมีย ๆ ของเราไม่อยู่เสียด้วย”

ค่ำวันรุ่งขึ้น เหล่าคณะและเจ้าแห้วต่างมารวมกันที่ห้องโถงใหญ่ คณะพรรคล้วนสง่างามในชุดสูทชาร์คสกินสีขาว แม้กระทั่งเจ้าแห้วก็ยังดูสวยไม่เบาเช่นกัน
นายแพทย์หนุ่มขยับตัวมองนาฬิกาที่ข้อมือ
“นี่มันเป็นเกือบจะสองทุ่มแล้วนะ ทำไมยังไม่เห็นจะมีใครมาเลย หรือโดนหลอกเสียแล้วพวกเรา”
นาฬิกาเรือนใหญ่ตีเสียงดังกังวาน 8 ครั้งอันเป็นสัญญาณเตือนว่าได้เวลา 20.00 นาฬิกาตรงแล้ว แสียงแตรรถดังก้องอยู่นอกตัวตึก เจ้าแห้ววิ่งออกไปดู
“รับประทาน ท่าจะมาแล้วขอรับ แหม ตรงเวลาเสียจริง ๆ รถอะไรก็ไม่ทราบขอรับ รับประทานเสียงเครื่องยนต์เงียบดีเหลือเกิน”

คณะพรรคเดินลงบันไดตึกใหญ่ลงมา เบื้องหน้าคือรถยนต์สีดำขนาดใหญ่ 4 ตอน 8 ที่นั่งคันยาวหลายวา คนขับเป็นชายร่างใหญ่ปานยักษ์สวมเสื้อคลุมสีดำตัวโคร่ง ยืนยิ้มเผล่อยู่หน้ารถ เมื่อเห็นคณะพรรคเดินลงมาเขาจึงเดินไปเปิดประตูให้คณะพรรคเข้าไปนั่ง ภายในรถดูกว้างขวางโอ่อ่า นายตัวยักษ์ติดเครื่องยนต์ เสียงรถยนต์ครางกระหึ่มเบา ๆ
“ท่านผู้มีเกียรติกรุณารัดเข็มขัดให้เรียบร้อยนะครับ อีกสักครู่เมื่อรถของเราพ้นออกจากทุ่งบางกะปิแล้ว เราจะบินครับ”
อาเสี่ยหัวเราะคิก
“ทำไมต้องบินด้วยล่ะพี่ชาย ที่ ๆ เราจะไปมันอยู่ในพระนครไม่ใช่หรือ แล้วนี่มันก็รถธรรมดา ๆ มันจะบินได้อย่างไรกัน”
นายตัวยักษ์หัวเราะเบา ๆ
“เอาเถิดครับ ทำตามที่ผมบอกก็แล้วกัน”
นกฮูกตัวหนึ่งบินโฉบเข้ามาทางหน้าต่าง นายตัวยักษ์หันมาพูดกับนกฮูก
“อ้าว ว่ายังไงเบนจามิน ข้ามมาฝั่งนี้แล้วไม่ยอมกลับเลย ติดใจอะไรรึ”
นกฮูกหันมองไปทางคอกไก่
“ติดใจไก่สาว ๆ ที่นี่” เจ้าฮูกพยักหน้าหงึก ๆ นายตัวยักษ์หัวเราะชอบใจ
คณะพรรคต่างตื่นเต้นระคนสนเท่ห์เมื่อเห็นนายตัวยักษ์คุยกับนก เจ้าแห้วชะโงกหน้าเข้าไปถาม
“พี่ชาย พี่คุยกับนกรู้เรื่องด้วยรึ”
นายตัวยักษ์หัวเราะเบา ๆ
“เปล่าหรอกครับท่านจอมพล ผมเพียงแต่พูดกับมันตามประสาเท่านั้นเอง”

รถคันยาววิ่งออกมาทางถนนบางกะปิขึ้นไปทางทิศตะวันออก เมื่อพ้นเขตเมืองนายตัวยักษ์เอื้อมมือดึงคันบังคับที่อยู่เหนือศรีษะ รถยนต์สั่นเบา ๆ แผ่นโลหะแผ่นยาวยื่นออกมาจากหลังคารถ นายตัวยักษ์ดันพวงมาลัยขึ้นไปข้างหน้า รถยนต์เริ่มเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นราวกับลมพัดแล้วเงยหน้าเชิดบินขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว บัดนี้รถยนต์ได้กลายเป็นเครื่องบินไปเสียแล้ว คณะพรรคร้องเอ็ดตะโรลั่นรถนายตัวยักษ์หัวเราะชอบใจ รถยนต์วิเศษสร้างความตื่นตะลึงให้กับคณะพรรคเป็นอย่างมาก กิมหงวนซักถามเป็นการใหญ่ อาเสี่ยตั้งใจจะสั่งเข้ามาขายที่สี่สหายพาณิชย์ คงจะได้กำไรมหาศาล เพราะเหล่าบรรดามหาเศรษฐีในเมืองไทย ทั้งที่รวยแท้รวยไม่แท้ต่างต้องหาซื้อมาประดับบารมีเป็นแน่ คณะพรรคต่างสนใจในประดิษฐกรรมชิ้นนี้มากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง
รถยนต์วิเศษบินขึ้นไปบนผืนฟ้าสีดำ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะทะลุขึ้นไปบนอวกาศ เพียงชั่วครู่พลันก็เกิดแสงสว่างวาบเจิดจ้า คณะพรรคต่างร้องลั่นรถทุกคนพากันหลับตาปี๋ เจ้าแห้วสวดอิติปิโสเสียงสั่นเครือ นายตัวยักษ์คนขับรถหัวเราะลั่น

เมื่อสิ้นแสงสว่างเจิดจ้า ท้องฟ้าพลันมืดลงเหมือนเดิมเพียงแต่บรรยากาศด้านนอกกลับเปลี่ยนไปจากท้องนาโล่งสุดลูกหูลูกตากลายเป็นผืนทะเลกว้างข้างหน้าเป็นเกาะใหญ่มีภูเขาสูงชัน รถยนต์วิเศษตีวงกว้างอ้อมภูเขาก่อนที่จะบินตรงไปยังกระท่อมเบื้องหน้าซึ่งตั้งอยู่บนชายหาดริมทะเล รถยนต์วิเศษลดความเร็วและระดับเพดานบินลงช้า ๆ ก่อนที่จะจอดลงหน้ากระท่อมหลังนั้น
นายตัวยักษ์เปิดประตูรถด้านของตนเอง เดินอ้อมมาด้านข้างเปิดประตูให้คณะพรรคอย่างนอบน้อม
“นี่คืออาคารรับรองของที่นี่ครับ ในคืนนี้ขอเชิญทุกท่านพักที่นี่ก่อนนะครับ”
นายตัวยักษ์เดินนำคณะพรรคขึ้นไปบนเชิงเขา
“สมส่วนเอ๊ย” นายตัวยักษ์เรียกชายร่างแคระที่ยืนรออยู่ห่าง ๆ
“ผมครับ จะเป็นอะไรมีให้สมส่วนทำครับ” เจ้าคนแคระชื่อไม่สมตัวเดินเตาะแตะเข้ามาหา มันมองคณะพรรคแล้วทำหน้าตื่น ๆ
นายตัวยักษ์ทำหน้าเหนื่อย
“เฮ้อ สมส่วนเอ๊ย ฉันฟังแกพูดแล้วเหนื่อยฉิบหายเลย นี่แกพาพวกท่าน ๆ ไปที่ห้องพักของท่านด้วย”
นายตัวยักษ์ออกคำสั่ง สมส่วนส่ายหน้าไปมา
“ผมครับ เชิญเป็นทุกท่านครับ”
คณะพรรคสะดุ้งโหยงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“อ้าว ที่นี่มีการเชิญเป็นเชิญตายด้วยหรือนี่” นายจอมทะเล้นหันไปหานายตัวยักษ์
“อ๋อ มิได้หรอกครับท่าน มันหมายถึงว่าให้พวกท่านเดินตามมันไปน่ะครับ สมส่วนเอ๊ย ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้นะ เดี๋ยวพูดผิดพูดถูกพวกท่านจะตกใจเสียหมด” นายตัวยักษ์สั่งเจ้าตัวเล็ก
อาเสี่ยหันมาพูดกับกระดิ่งทอง
“ข้าว่าอ้ายหมอพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ มาเจออ้ายตัวเล็กนี่เข้าอ้ายหมอของเรากลายเป็นพูดรู้เรื่องขึ้นมาทันทีเลยว่ะ”
นายตัวยักษ์หันมากล่าวกับคณะพรรค
“พรุ่งนี้เช้าผมจะพาทุกท่านไปพบบุคคลสำคัญที่เชิญทุกท่านมาที่นี่ คืนนี้ถ้าท่านต้องการสิ่งใดเรียกใช้เจ้าสมส่วนได้ตลอดเวลา หรือหากพูดกับมันไม่รู้เรื่องก็เรียกผมก็ได้ อ้อ ผมชื่อเบาหวิวครับ ขอตัวก่อนนะครับทุกท่าน”
นายตัวยักษ์นามว่าเบาหวิวเดินหายไปในความมืดปล่อยให้คณะพรรคยืนงงอยู่กับเจ้าสมส่วน เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก้มลงไปถาม
“เออแน่ะเจ้าสมส่วน แล้วคืนนี้พวกเราจะนอนกันตรงไหนล่ะ เห็นแต่ป่าเขาต้นไม้ทั้งนั้น”
สมส่วนเดินเตาะแตะก้าวออกไปข้างหน้า ล้วงกระเป๋ากางเกงดึงแท่งอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยื่นออกไปข้างหน้า เสียงคลิกเบา ๆ ดังออกมาจากวัตถุชิ้นนั้นพร้อมลำแสงสว่างกว่าไฟฉายเดินทางพุ่งตรงไปข้างหน้า เสียงลั่นครืนจากภูเขาทำให้คณะพรรคเงยหน้ามอง ผนังหน้าผาแห่งนั้นแยกตัวออกเป็นสองฝั่งเผยให้เห็นข้างในว่าเป็นอาคารใหญ่ที่ถูกซ่อนเอาไว้
นายแพทย์หนุ่มยืนตาค้างอ้าปากหวอ
“มายก็อด นี่มันอะไรกันนี่ โอ เป็นมหัศจรรย์มาก”
อาเสี่ยก้มลงลงมาถามสมส่วน
“ที่นี่มันคือที่ไหนกันรึสมส่วน บอกหน่อยได้ไหม”
สมส่วนเงยหน้าขึ้นมองอาเสี่ย
“นี่ที่ สยามประเทศขอรับ”
พลครางฮือในลำคอ
“สยามประเทศอะไรกัน ทำไมเราไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนล่ะสมส่วน”
เจ้าสมส่วนยิ้มตาหยี แล้วเดินนำคณะพรรคเข้าไปภายใน อาเสี่ยกระพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“ … โอ … สยามประเทศ … อลังการงานสร้างเหลือเกิน … “
โดยคุณ : สมนึก สมนาค 415 - [ 20 พ.ย. 2002 , 22:33:38 น. ]

ตอบ
มาอ่านครับ
โดยคุณ : เกลียมัว - [ 20 พ.ย. 2002 , 23:44:49 น.]

ตอบ
สนุกดีครับ เอาอีก !
โดยคุณ : หลวงตะลุมบอนอุตลุด - [ 21 พ.ย. 2002 , 4:39:40 น.]

ตอบ
ตอนแรกนึกว่าแฮรี่ พอตเตอร์เจอสามเกลอซะอีก
โดยคุณ : ภาคภูมิ18 - [ 21 พ.ย. 2002 , 21:01:58 น.]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
ข้อความ




กรุณาคลิกที่ปุ่ม Post message เพียงครั้งเดียว 



All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace surfers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.