่านในสามเกลอ เจอเรื่องของ ม.ปาวี แล้วไม่รู้จักค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก้เกิดไม่ทันด้วย ถามท่านก็ไม่รู้จัก ใครทราบช่วยอธิบายหน่อยค่ะว่า เป็นใคร

เอ่อ.....ผมก็เกิดไม่ทันนะครับ แต่เท่าที่ทราบคือ ม.ปาวีเนี่ย เป็นทูตฝรั่งเศสในสมัย รศ 112 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อรองกับไทยจนไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศสไปมาก คำว่า ม.ปาวี ก็มาจาก เมอซิเออร์ ปาวี

ผิดถูกอย่างไรท่านที่ทราบช่วยท้วงติงด้วยครับ เดี๋ยวผมจะไปหารายละเอียดมาอีก

ม.ปาวี มีชื่อเต็มๆว่า ออกุส ปาวี (คำว่าม.ก็มาจากมองซิเออร์ ที่เป็นคำนำหน้าชื่อในภาษาฝรั่งเศส เช่นเดียวกับคำว่า Mister ในภาษาอังกฤษนั่นเอง) เป็นอัครราชฑูต และกงศุลใหญ่ของฝรั่งเศสประจำประเทศไทยในช่วงร.ศ.112 (พ.ศ.2436) ซึ่งมีบทบาทสำคัญใน"เหตุการณ์ ร.ศ.112"
โดยในครั้งนั้นฝรั่งเศสส่งเรือรบฝ่าด่านการต้านทานของไทย เข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระและลอยลำจอดอยู่บริเวณสถานฑูตฝรั่งเศสที่กรุงเทพ 2 ลำเพื่อใช้ข่มขู่คุกคามไทย ให้ยอมเสียดินแดน โดนฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทยยกดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง พร้อมเงินค่าปรับอีก 2 ล้านฟรังค์ เมื่อไทยไม่ปฎิบัติตาม ฝรั่งเศสจึงปิดอ่าวไทย
และยกพลขึ้นบกยึดจ.จันทบุรี และตราด ในที่สุดไทยก็ต้องยกดินแดนและยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝรั่งเศส
ม.ปาวี มีส่วนร่วมโดยตรง ในการประสานงาน และในการออกหน้าข่มขู่ชิงดินแดนไปจากเรา
นั่นเป็น 1 ในจำนวนหลายๆครั้ง ที่ไทยต้องเสียดินแดนให้ประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ โดยที่ก่อนจะเสียดินแดนแต่ละครั้ง ก็จะเกิดการขัดแย้งอย่างรุนแรง มีการต่อสู้รบพุ่งกัน ไทยซึ่งมีอาวุธล้าสมัย และกำลังพลน้อยกว่า จึงต้องตกเป้นฝ่ายยอมทุกครั้งไป เพื่อไม่ให้ประเทศตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
และจากความเจ็บช้ำเหล่านั้น ก่อนำไปสู่สงครามอินโดจีน หรือสงครามชิงดินแดนคืน ที่ไทยรบฝรั่งเศสในปลายปี 2583 ต่อเนื่องต้นปี 2484
อันเป็นสมรภูมิที่สามเกลอเข้าไปมีบทบาทเต็มตัว
หมายเหตุ:ข้อมูลมาจากหนังสือ วิวัฒนาการสังคมไทยกับหัสนิยายชุด พล นิกร กิมหงวน โดยดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

เอ่อ พิมพ์ผิดอื้อเลย ปลายปีพ.ศ. 2483 ต่อเนื่องต้นปีพ.ศ. 2484 นะครับ

นั่นแหละ พิมพ์ทำไมให้ยาว อิอิ ไปซื้อหนังสืออ่านดีกว่าครับ มีข้อมูลน่าสนใจมากกว่านี้แยะเลย วิวัฒนาการสังคมไทยกับหัสนิยายชุด พล นิกร กิมหงวน โดยดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร มีสองเล่มนะครับ สั่งมาให้ครบ

สำนักพิมพ์แสงดาว ลดพิเศษให้สมาชิกเวบสามเกลอด้วย หรือไปซื้อในงานหนังสือวันที่ 11 ก็คงมีขายแน่นอน

ICQ : 21526438

ครับเห็นด้วยอ่านหนังสือสองเล่มนี้จะกระจ่างทั้งหมดผมอ่านจนสว่างคาตาเลยดีมากครับเป็นหนังสือแม้คนไม่ได้อ่านสามเกลอก็ควรจะเก็บท่านดร.วิชิตวงศ์เขียนได้ดีมากทั้นด้านข้อมูลและการเรียบเรียงดีจริงๆครับย้ำ

อ่า เรียกน้ำย่อยให้คนสนใจก่อนไปซื้อไงครับ กลยุทธการตลาด หุหุ

ฮ่า มีอ่อยเหยื่อ แล้วตบด้วยการขายของ ยิ่งกว่าพวกทีวีมีเดียอีก อิอิ... โอ้ว มันดีจริงๆ จอห์น ...ชีวิตผมดีขึ้นมากเลย เมื่อได้อ่านหนังสือ (สอง) เล่มนี้

แต่บางทีอ่านหนังสือสองเล่มนี้ จะไม่พูดถึงสามเกลอเสียทีเดียว แต่พูดถึงประวัติบ้านเมืองของเราด้วย ย้อนหลังไป 50 ปี คือได้ความรู้ด้วย และมีสามเกลอด้วย คงเป็นหนังสือชุดเดียวที่ทำแบบนี้ได้อย่างลงตัว

ICQ : 21526438

ผมอ่านทุกข้อความแล้วไอ้ม.ปาวีเนี่ยมันไม่มีบ้านจะอยู่หรือไงถึงเป็นเจ้าเจ้าการให้คนนั้นยอมคนนี้เสียค่าปรับให้คนนั้นผมว่าฝรั่งสมัยก่อนนะจุ้นไม่เข้าเรื่องถ้ามันแน่จริงมันต้องได้รับการยกย่องที่ประเทศตัวเองแล้วแต่นี่ต้องออกมาหาการยอมรับในประประเทศที่สามอย่างเราๆสมัยก่อนเราเสียดินแดนเสียเขาพระวิหารเพราะฝรั่งโง่ๆมามากแล้ว(ฝรั่งชาติไหนผมไม่ระบุนะเพราะมีหลายเหตุการณ์)

รศ. 112 นั้นเจ้ทมยันตี เธอเอามาเขียนเรื่อง "ทวิภพ" แต่เนื่องเป็นเรื่องที่อิงประวัติศาสตร์ และในช่วงนั้นประวัติศาสตร์ก็เขียนได้รายละเอียดมากทำนองเดียวเรื่อง "เจาะเวลาหาจิ้นซี" เลยทำให้นางเอกเข้าไปแก้ประวัติศาสตร์ไม่ได้ เอ่อน้องน้องที่รักผมนอกเรื่องเกินไปหรือเปล่าน่ะ 555555555

ความจริงเราผ่านพ้นวิกฤติรศ. 112 มาได้นั้นด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และดวงเมืองเราดีด้วยเพราะตอนนั้นอังกฤษได้พม่า มาลายู เป็นเมืองขึ้น และฝรั่งเศสได้กัมพูชา ลาว เวียตนามเป็นเมืองขึ้นไทยก็เลยเป็น Buffer State หรือรัฐกันชนโดยยอมเสียบางส่วนทางภาคใต้ให้อังกฤษ เช่นตรังกานู และเสียบางส่วนทางตะวันออกให้ฝรั่งเศส เช่น ศรีโสภณ แต่ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อไทยเรียกร้องดินแดนที่เสียไปในรศ. 112 คืน ไทยได้ร่วมกับญี่ปุ่นทำสงครามอินโดจีนกับฝรั่งเศสเพื่อเรียกร้องดินแดนดังกล่าว (น่าแปลกใจที่เรากลับไม่มีปัญหากับอังกฤษ) กระแสต่อต้านฝรั่งเศสนั้นแรงงมากอย่างที่เราได้อ่านในสามเกลอนั่นแหละและเราก็ได้ดินแดนเหล่านั้นคืนมารวมทั้งที่เสียให้อังกฤษด้วย แต่ในท้ายที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้แก่สัมพันธมิตรประเทศต่าง ๆ เรียกร้องเอกราช ดินแดนที่เราได้คืนใาจาอังกฤษก็เป็นของประเทศมาเลเซีย ส่วนที่ได้มาจากฝั่งเศสก็อยู่ในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน เอวัง

จริงด้วยครับท่านเจ้าคุณ ประเทศไทยแต่ก่อน เนื้อที่แยะมากเลย ดูไม่เป็นรูปขวาน ไปๆ มาๆ แหว่งไปแยะ ถ้าดูจากแผนที่เก่าจะเห็นชัดว่า ตรงประเทศลาว แถวๆ จ.เพชรบูรณ์ เราจะมีเนื้อที่มากจริงๆ และทางใต้เราก็มีเนื้อที่แยะมาก

แต่ก็ถือว่าประเทศไทยดีกว่าประเทศใกล้เคียงมาก ที่ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นใคร แม้ต้องแลกกับการเสียดินแดนไป ทั้งๆ ที่ชัยภูมิของเราดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากมายนักก็ยังคงรักษาประเทศไว้ได้อย่างมั่นคง

ICQ : 21526438

ขอเสริมอีกนิดครับ การที่เรารักษาเอกราชไว้ได้นั้น อีกส่วนหนึ่งมาจากการที่เรามีเงินเก็บสะสมไว้แต่สมัยรัชกาลที่ 3 พระมหาเจษฎาราชเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงพระปรีชาในการค้าขาย จนเก็บเงินไว้ได้มากมาย ทรงเก็บไว้ในถุงแดง และทรงกำชับว่า ให้นำเงินถุงแดงนี้ไปใช้เพื่อการรักษาชาติ พอตอนที่ฝรั่งเศสคุกคามเรา เรียกร้องค่าปรับ ซึ่งสูงมาก (เข้าใจว่าพอๆ กับงบประมาณแผ่นดินในสมัยนั้นเลย) รัชกาลที่ 5 ท่านก็ได้ทรงนำเงินถุงแดงนี่แหละ มาเสียค่าปรับให้ฝรั่งเศส ไม่งั้นคงต้องเสียดินแดนมากกว่านี้ เพราะเราไม่มีทางมีเงินมากขนาดที่เขาเรียกร้องได้

เรื่องการเสียดินแดนแก่อังกฤษ (ถ้าผิดก็ขออภัยด้วยครับ)
อังกฤษใช้วิธีขอแลกเปลี่ยนมลายูกับ 1.การยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของคนอังกฤษในไทย 2.อังกฤษให้กู้เงินสร้างทางรถไฟสายใต้ 3.เงิน 4 ล้านปอนด์