อ่านตอนต้นตื่นเต้น แต่ตอนจบ..........
Home Page
samgler connection members information discuss library misc. web board contact us

กระดานสนทนาสามเกลอ (Read Only)



อ่านตอนต้นตื่นเต้น แต่ตอนจบ..........
พอดีได้รับ FW: มาทาง mail ไม่รู้ว่่าคนในนี้ได้อ่านกันหรือยัง เห็นว่าน่ากลัวดีเลยเอามาโพสให้อ่าน ขออนุญาตเจ้าของเรื่องด้วยนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า....

วันนี้ มีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นในชีวิตผม

ตามปกติผมเป็นคนประสาทแข็ง ตลอดชีวิตยี่สิบกว่าปี
ยังไม่เคยแม้สักครั้ง ที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์
ชวนขนหัวลุกเลย จนกระทั่งวันนี้

เหตุการณ์ที่ทำให้ผมถึงกับนอนไม่หลับ ต้องมานั่งระบายออก
ให้พวกคุณได้รับรู้เอาไว้

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
มันเกิดขึ้นที่ตึก GMM Grammy อันเป็นที่ตั้งของค่ายเพลง
ที่ทุกคนคงรู้จักกันดี

ผมทำงานอยู่ที่ตึกนี้ได้ประมาณหกเดือนแล้ว
ก็นับตั้งแต่บริษัทเริ่มย้ายจากตึก CMIC มาที่นี่นั่นแหละ

ผมไม่รู้ว่าระหว่างตกแต่งตึกนี้
มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า
และถึงตอนนี้ก็ไม่อยากรู้ด้วย ที่อยากให้คุณรู้คือ งานที่ผมทำ
ทำให้จำเป็นต้องเข้าบริษัทไม่เป็นเวลา บางทีก็ต้องมาแต่เช้า
กลับอีกเช้าหนึ่ง บางทีก็ต้องมากลางดึก
กลับอีกทีก็ตีสองของอีกวัน
แล้วแต่งานไป

วันนี้ผมไม่มีงาน ประกอบกับ ทำงานไม่ได้หยุดมาตลอด
ตั้งแต่สงกรานต์
ก็เลยตั้งใจจะไม่เข้าบริษัท แต่ปรากฏว่า คนที่บริษัท
มีปัญหากับเครื่องคอมพิวเตอร์
ในบริษัทก็ดันมีผมคนเดียวที่รู้เรื่อง
รายละเอียด เขาก็เลยโทรมาตามให้ผมเข้าไปช่วยดูให้หน่อย

ผมอิดๆออดๆ แล้วก็รับปากไปว่าจะเข้าไป แต่คงเป็นตอนดึกๆ
ผมดูบอลบราซิลตัดเชือกกับตุรกี ที่ออฟฟิศของเพื่อน
เลิกก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆ
แต่ในใจมันยังรู้สึกว่ายังหัววันอยู่เลย ก็เลยไปหาหนังดู

ไปถึงสยาม ไม่ค่อยมีหนังน่าสนใจ นอกจากเรื่อง Dragonfly ที่ผม
อยากรู้มาตั้งแต่เห็นโปสเตอร์ครั้งแรกแล้วว่า
มันหมายถึงอะไรกันแน่ ก็เลยเข้าไปดู

บรรยากาศในโรงก็วังเวงมาก ทั้งโรงมีคนนั่งดูอยู่หกคน
หนังก็เลยยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
ออกจากโรงมาก็ยังรู้สึกหนาวๆไม่หาย

ผมแวะหาอะไรใส่ท้องแถวสีลม ก่อนเรียกแท็กซี่เข้าบริษัท

เวลานั้นเป็นเวลาประมาณตีหนึ่ง ฝนตกปรอยๆ
รถแท็กซี่วิ่งสวนทางอโศกไม่ได้ ผมจึงต้องลงเดินนิดหน่อย
ถ้าเป็นเวลาหัวค่ำ กับคนรู้ใจก็คงโอเค แต่ในเวลาเช่นนี้
ถนนที่ว่างเปล่า กับแสงไฟสลัวๆ เพียงคนเดียว
มันวังเวงอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว

ภาพจากตัวอย่างหนังเรื่อง Three
ที่เพิ่งได้ผ่านตามาเมื่อครู่ใหญ่ๆ
กลับมาอยู่ในความคำนึงอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ผมเดินผ่านล็อบบี้ ยามเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็ก้มลงไปอย่างเดิม
ผมก็ไม่ได้เสียเวลาสนใจเขา เดินตรงเข้าไปที่ลิฟต์
เวลาตีหนึ่งอย่างนี้ กดลิฟต์ ลิฟต์ก็มา
ถ้าต้องรอก็คงเป็นเรื่องแปลก

ผมเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างปกติ อธิบายนิดนึงว่า ลิฟต์ที่นี่
จะเป็นสเตนเลสขัดมันด้านในสามด้าน ส่วนด้านประตูนั้นจะด้าน
มองสะท้อนไม่ได้ ยกเว้นตรงปุ่มกดเลขชั้นที่จะขัดมันเช่นกัน

ผมก้มลงกดเลขชั้น 26 แล้วก็ขนลุกวาบ

ผมเห็นใครบางคนกำลังจ้องมองผมจากด้านหลังผ่าน
เงาสะท้อนตรงปุ่มกดนั้น

ผมยังไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองเห็นเมื่อสักครู่นี้นัก ผมแน่ใจว่า
ผมเข้ามาในลิฟต์คนเดียว และในลิฟต์ก็ไม่มีใครอยู่เลยด้วย
แล้วใครกันจะมาอยู่ข้างหลังผมได้...

ผมไม่กล้าหันหลังกลับไป ในใจยังคงเต็มไปด้วยความสับสน
อยู่มายี่สิบกว่าปี ไม่เคยเจอ ทำไมถึงจะมาโดนดีเอาวันนี้

หลังจากรวบรวมความกล้าแล้ว ผมค่อยๆก้มลงไปมองตรงปุ่มกดอีกที
แผ่นโลหะขัดมันข้างปุ่มนั้น มีความกว้างเพียงสองสามนิ้ว
แต่มันสะท้อนให้เห็นภาพที่อยู่เบื้องหลังผมได้อย่างชัดเจน

เด็กน้อยคนหนึ่ง อยู่ตรงนั้นจริงๆ...

เด็กคนนั้น หน้าอวบอิ่ม ตาชั้นเดียว ไว้ผมม้า
ดูอายุแล้วไม่น่าจะเกิน
สิบขวบเท่านั้นเอง เด็กคนนั้นยิ้มอย่างมีเลศนัย ตาจ้องมาทางผม
ไม่กระพริบ แต่สิ่งที่น่าตกใจยังไม่ใช่แค่นั้น

ผมกวาดสายตาผ่านเงาสะท้อนลงด้านล่างอย่างเชื่องช้า เด็กคนนี้
มีแต่หัวกับช่วงตัวท่อนบน...

ไม่มีแขน ไม่มีขา ....

วินาทีนั้นผมแทบอยากจะวิ่งออกไปลิฟต์เสียเดี๋ยวนั้น
แต่ก็ทำไม่ได้
เวลาในการเดินทางขึ้น ดูเหมือนว่าจะกินเวลานานกว่าปกติ
แม้ว่ามันจะไม่ได้แวะจอดชั้นใดเลยก็ตาม

ผมหลับตาปี๋ ในใจพยายามนึกถึงบทสวดมนต์ แต่ไม่มีอะไรออกมา
เพราะความที่ไม่เคยสวดมาเกือบสิบปีเข้าไปแล้ว ก็ได้แต่นึกภาวนา
ในใจว่า ไปสู่ที่ชอบๆเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
ผมยืนขาแข็งหลับตาอยู่อย่างนั้น จนลิฟต์เปิดออก

อย่างน้อยก็มียามที่ชั้นอยู่เป็นเพื่อน ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
หันหลังกลับไปดูในลิฟต์อีกที

เด็กคนนั้นยังอยู่....

เด็กตาชั้นเดียว ไม่มีแขน ไม่มีขา

ครั้งนี้ผมเห็น รายละเอียดมากกว่าเดิม
ใต้ส่วนที่น่าจะเป็นหน้าอก
ของเด็กคนนั้น

ยังมีตัวอักษรบางอย่างติดอยู่ด้วย

ผมพยายามแปลความหมายของตัวอักษร ที่ปรากฏขึ้นนั้น

พ...



ลั....



บ....




พลับ... คงเป็นชื่อเด็กคนนี้



ก.ค. 45

คงจะเป็น ...





เวลาวางแผง


ผมคิดในใจ...



เด็กตัวแค่นี้ ออกเทปแล้วเหรอ....


ปล.
ใครรู้จักคนในค่ายนี้ ฝากบอกด้วยว่า
เอาไปติดผนังข้างๆไม่ได้รึไง โปสเตอร์น่ะ
ตอนกลางคืน มันน่ากลัวนะ

โดยคุณ : เจี๊ยบstj - [ 24 ส.ค. 2002 , 14:19:32 น. ]

ตอบ
เรื่องขนลุกอยู่ทางโน้น จะหนาวถึงคนทางนี้ได้ไง
โดยคุณ : จิตนาถ - [ 24 ส.ค. 2002 , 22:57:18 น.]

ตอบ
สมมุติว่า.......เฮ้อ ลุ้นแทบแย่นะคุณเจี้ยบ
โดยคุณ : อดิศร - [ 25 ส.ค. 2002 , 5:43:37 น.]

ตอบ
โถ...หัวใจเกือบวายแหนะ เขียนตื่นเต้นดีนะ
โดยคุณ : โบ๊ท ไทยเทียม - [ 26 ส.ค. 2002 , 15:19:56 น.]

ตอบ
.............เฮ้อ..........ลุ้นดีจังค่ะ...:)
โดยคุณ : ละม่อม - [ 26 ส.ค. 2002 , 23:46:50 น.]

ตอบ
ประมาณว่าฬครๆก็ไม่รักไงน้องพลับเลยต้องไปยืนคนเดียวในลิฟท์
โดยคุณ : บุญทุ่ม - [ 27 ส.ค. 2002 , 11:16:37 น.]

ตอบ
ฮึ ฮึ ตลกก็ไม่บอก
โดยคุณ : ชุ - [ 27 ส.ค. 2002 , 23:55:22 น.]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
ข้อความ




กรุณาคลิกที่ปุ่ม Post message เพียงครั้งเดียว 



All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace surfers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.