ตาแป๊ะเลี้ยงม้า(ส่งมาตามคำขอของคุณแอน)
Home Page
samgler connection members information discuss library misc. web board contact us

กระดานสนทนาสามเกลอ (Read Only)



ตาแป๊ะเลี้ยงม้า(ส่งมาตามคำขอของคุณแอน)
เรื่องตาแป๊ะเลี้ยงม้า
มีตาแป๊ะ(คนจีนแก่ๆ)คนหนึ่ง ไปทำสวนปลูกผักอยู่ในที่ๆ ค่อนข้างจะห่างไกลจากตลาดหรือเมืองพอสมควร ตาแป๊ะแก่แล้วขาก็ไม่ดีเดินไกลๆ ไม่ไหว ภรรยาแกก็ตายไปนาน แกจึงอยู่กับลูกชายอายุเพิ่ง ๒๐ ปี และอยู่กันเพียง ๒ คนพ่อลูกเท่านั้น โดยยึดอาชีพปลูกผักขายส่งในตลาด และตาแป๊ะเลี้ยงม้าไว้ตัวหนึ่งเป็นม้าตัวเมีย คนที่ขี่ม้าออกไปตลาดเพื่อส่งผักให้แม่ค้าเป็นประจำคือลูกชายตาแป๊ะ ม้าตัวนี้จึงเป็นพาหนะที่สำคัญของครอบครัว เพราะถ้าขาดม้าตัวนี้แล้ว ตาแป๊ะกับลูกชายก็ไม่สามารถที่จะนำผักออกไปขายที่ตลาด อันจะทำให้ครอบครัวแกขาดรายได้ รวมทั้งการออกไปจับจ่ายซื้อข้าวซื้อของ อาหารผักปลา หมู เนื้อมากินก็ลำบากด้วย
แล้วเรื่องน่าห่วงนี้ก็เกิดขึ้น เมื่อวันหนึ่งอยู่ๆ ม้าของตาแป๊ะก็หายไป ทำให้ครอบครัวตาแป๊ะไม่สามารถจะนำผักไปส่งตลาด ชาวบ้านใกล้เคียงทราบข่าวก็พากันมาแสดงความเสียใจกับตาแป๊ะ
ชาวบ้านพูดว่า “เฮ้อ…เสียใจด้วยนะตาแป๊ะ แหม มีม้าอยู่ตัวเดียวก็ยังมาหายไปเสียอีก มีใครมาขโมยไปหรือเปล่านะ แหม…ใครกันนะใจดำจัง มาแกล้งขโมยม้าของตาแป๊ะไปได้…” แต่ชาวบ้านพูดไม่ทันจบตาแป๊ะก็ขัดขึ้นว่า
“ม่ายแน่มานอาจจาลีก้อล่าย” (ไม่แน่มันอาจจะดีก็ได้) ตาแป๊ะพูดแบบคนมองโลกในแง่ดี
แต่ชาวบ้านดูจะไม่ค่อยพอใจ ที่อุตส่าห์มาแสดงความเสียใจ แล้วตาแป๊ะกลับมิได้รู้สึกเสียใจ กลับคิดว่าดีไปเสียอีก
หลังจากครอบครัวของตาแป๊ะต้องทนลำบากเพราะไม่มีม้าอยู่ประมาณ ๑ สัปดาห์ วันที่แปดม้าของตาแป๊ะก็กลับมาแต่มีม้าป่า(ตัวผู้)ติดมาด้วยอีกตัวหนึ่ง กลายเป็นว่าอยู่ๆ ตาแป๊ะก็มีม้าเพิ่มขึ้นมาโดยไม่ต้องซื้อหา ชาวบ้านใกล้เคียงที่รู้ข่าวก็พากันมาแสดงความยินดีกับตาแปะอีก
ชาวบ้านพูดว่า “แหม ตาแป๊ะนี่ยอดจริงๆ ตอนม้าหายไปตาแป๊ะพูดว่า มันอาจจะดีก็ได้ แล้วก็ดีจริงๆ ดูซีได้ม้ามาฟรีๆ อีกตัวหนึ่งแน่ะ ลักษณะเป็นม้าดีสวยด้วยถ้าขายคงได้หลายกะตังค์…” ชาวบ้านพูดไม่ทันจบตาแป๊ะก็พูดขัดขึ้นอีกว่า
“ม่ายแน่ มานอาจจะม่ายลีก็ล่าย” (ไม่แน่มันอาจจะไม่ดีก็ได้) ชาวบ้านไม่พอใจทันที หาว่าตาแป๊ะเล่นลิ้น คือพอได้ดีหรือโชคดีมาก็หาว่าไม่ดีเสียนี่ (คนอะไรมีความคิดขัดแย้งกับคนอื่นตลอดเวลา)
แต่แล้วอีกสี่ห้าวันต่อมา ลูกชายตาแป๊ะก็ตกจากหลังม้าตัวใหม่ขาหัก เนื่องจากเขาเอาม้าป่าที่เพิ่งได้มาใหม่ไปฝึกหัดขี่ แล้วม้ามันยังไม่ชินมันเลยพยศสลัดลูกชายตาแป๊ะตกลงมา เมื่อลูกชายตาแป๊ะขาหักก็ต้องนอนรักษาให้กระดูกขาที่หักติดกันใหม่ ทำให้ไม่สามารถจะขี่ม้าเอาผักไปขาย หรือขี่ม้าออกไปจับจ่ายซื้อข้าวซื้อของได้อีก ชาวบ้านใกล้เคียงที่รู้ข่าวก็มาแสดงความเสียใจกับตาแป๊ะอีก ชาวบ้านพูดว่า
“เฮ้อ ตาแป๊ะนี่ยอดจริงๆ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าไปหมด ที่ว่าได้ม้ามาแล้ว มันอาจจะไม่ดีก็ไม่ดีจริงๆ คราวนี้โชคร้ายมากนะเพราะลูกชายขาหัก ต้องรักษานานหลายเดือน ตาแป๊ะคงต้องขี่ม้าออกไปตลาดเองเสียแล้วซี จะขี่ไหวหรือ…” แล้วชาวบ้านก็หัวเราะกัน แต่ตาแป๊ะพูดสวนอีกทันที
“ม่ายแน่มานอาจจาลีก้อล่าย” คราวนี้ชาวบ้านชักโกรธ(จริงๆ) หาว่าตาแป๊ะเล่นลิ้น บางคนประชดให้ว่า
“เชอะ! ขาหักนอนที่อยู่อย่างนี้แล้ว ยังพูดว่ามันอาจจะดีก็ได้ มันจะดีอย่างไรอยากรู้นัก”
แล้วชาวบ้านก็พากันจากไปด้วยความรู้สึกขัดเคืองแกมหมั่นไส้ คือทุกคนอยากให้ตาแป๊ะยอมรับในความโชคร้าย เพื่อตนจะได้แสดงความสงสารตาแป๊ะได้ตามความตั้งใจ (การได้สงสารคนอื่นดีกว่าการต้องอิจฉาคนอื่นกระมัง) แต่ตาแป๊ะไม่ยอมให้ใครมาสงสารแก
แล้ว… อีกประมาณสิบห้าวันต่อมา ทางบ้านเมืองก็ประกาศไปทั่วทุกหมู่บ้านและตำบล เกณฑ์บรรดาชายฉกรรจ์ทุกคนที่มีอายุครบ ๒๐ ปีขึ้นไป(แต่ไม่เกินสี่สิบ) ไปเป็นทหารให้หมดเพราะทางบ้านเมืองจะส่งทหารเกณฑ์พวกนี้ไปช่วยรบกับข้าศึก ที่มาบุกรุกประเทศเพื่อนบ้านหรือพันธมิตร เพื่อแสดงสปิริตว่าเราเป็นมิตรประเทศ (เช่นเดียวกับตอนไทยส่งทหารไปช่วยรบในเกาหลี หรือเวียตนามกระมัง) ปรากฏว่าลูกชายตาแป๊ะกำลังขาหักอยู่ทางการจึงไม่เกณฑ์ไปเป็นทหาร ส่วนทหารลูกหลานชาวบ้านถูกเกณฑ์ไปหมด แล้วต่อมาก็ปรากฏว่า ทหารที่ทางบ้านเมืองเกณฑ์ไปรบนั้นตายเกือบหมด ที่เหลือกลับมาก็พิกลพิการ แขน ขาขาด ตาบอดฯลฯ
ส่วนลูกชายตาแป๊ะ พอศึกสงครามของประเทศเพื่อนบ้านสงบ ลูกชายตาแป๊ะก็ขาหายเดินได้ตามปรกติ และขี่ม้าทั้งตัวเก่า ตัวใหม่ บรรทุกผักไปขายตลาดได้สบาย
เรื่องจบลงเท่านี้…
ผมได้ฟังเรื่องนี้จากอาจารย์ สถาบันราชภัฏสุราษฏร์ธานีเล่าให้ฟัง ตอนถูกส่งไปอบรมหลักสูตรพิเศษที่นั่น ถ้าเล่าด้วยปากเปล่าจะสนุกกว่าเขียน เพราะสามารถใส่อารมณ์ความรู้สึกหรือสำนวนภาษาอันเป็นเฉพาะตนลงไปได้
หมายเหตุ ผมรีบส่งเรื่องนี้มา เนื่องจากได้รับอีเมล์แปลกๆ (ไม่มีข้อความ) คล้ายๆ กับต้องการให้ผมส่งกลับหรือมีผู้ส่งต้องการเช็กว่า อีเมล์ของผมมีตัวตนจริงๆ หรือเปล่ากระมัง เอาเป็นว่าผมทำตามคำขอของคุณแอนแล้วนะครับ
โดยคุณ : พร เมืองใต้ - [ 17 มิ.ย. 2002 , 1:09:20 น. ]

ตอบ
ขอบพระคุณมาก มาก เลยค่ะ คุณพร เมืองใต้
เรื่องนี้ให้ข้อคิดดี และก็คล้ายๆ เรื่อง Good or Bad --- Hard to say จริงๆ ด้วยสิ

แต่ขอรับรองอย่างแข็งขัน ว่าแอนไม่ได้เป็นคนส่งเมล์ไปก่อกวนนะคะ (อิอิ...ร้อนตัว) ..... (^ ^) .....
โดยคุณ : แอน - [ 17 มิ.ย. 2002 , 12:54:18 น.]

ตอบ
โธ่ อุตส่าห์นั่งเขียนและเกลาสองชั่วโมง มีคนเข้ามาอ่านแค่นี้เองหรือ นี่จะไม่มีใครต้อนรับผม(สมาชิกใหม่)บ้างเลยหรือ?
เฮ้อ งั้นไม่เข้ามาแล้วนะ แต่จะส่งเงินมาซื้อพล นิกร กิมหงวน ไปนอนอ่านแล้วยิ้มคนเดียวมันกว่า รออีกสองสามวันนะครับคุณอุดม ตอนนี้งานผมยุ่งจริงๆ ยังไม่ว่างไปรษณีย์
โดยคุณ : พร เมืองใต้ - [ 19 มิ.ย. 2002 , 0:26:25 น.]

ตอบ
อ่า...เรื่อง E-mail ไม่มีข้อความ และส่งมาโดยคนไม่รู้จักเนี่ยนะครับ....ผมก็โดนเหมือนกัน... แต่มันจะ auto ทันทีที่อ่าน mail (เพราะผมใช้ Outlook Express) ซึ่งผมเข้าใจเอาเองว่า เป็น virus นะครับ...ดังนั้น ใครจะส่ง mail ให้ผมโปรดใส่ข้อความเป็นภาษาไทย และลงชื่อผู้ส่งเป็นชื่อใน web board แบบภาษาไทยนะครับ...ไม่งั้น ผมจะลบโดนไม่อ่านเลย

ปล. ตอนนี้ เครื่องผมรวนสุด ๆ เลย คือแหมแต่ anti virus ก็ install ไมได้นะง่ะ :~ เศร้า
โดยคุณ : น้องลูกหมี - [ 19 มิ.ย. 2002 , 0:42:57 น.]

ตอบ
ง่า เข้ามาอ่านไปรอบนึงแล้วนะครับ แต่ไม่รู้จะตอบอะไรก็อ่านเฉยๆอะครับ ทำไมขี้ใจน้อยจัง อิอิ ว่าแต่หัวข้อเนี่ยตามคำเรียกร้องของน้องแอนนี่ครับ คนอื่นเลยไม่กล้าเข้ามาอ่านมั้ง 555
โดยคุณ : เกลียมัว - [ 19 มิ.ย. 2002 , 1:07:46 น.]

ตอบ
นั่นจิ นั่นจิ...อ่านน่ะ อ่านแล้วค่ะ แต่ก็ไม่รู้จะตอบไง เพราะเดี๋ยวโดนเพ้ยออกมา คงแบบคุณเกลียมัวมังคะ อิ อิ เอ้า...แต่ช้าแต่... อย่างอนจิ อิ อิ มีอีกมั้ยคะ นิทานอะ เล่ามาอีก จะอ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..... โอย เหนื่อยจัง
โดยคุณ : ไก่หัวโต - [ 19 มิ.ย. 2002 , 9:53:40 น.]

ตอบ
ยิ้มๆ ๆ ยิ้มมาหน้าตาหวานชื่น ไชโย้ มีคนอ่านและมาตอบแล้ว กระทู้ผมไม่เป็นหมันแล้ว ขอบคุณ คุณน้องลูกหมีที่เตือนเรื่องไวรัส ตายแล้วงั้นเครื่องผมก็คงโดนไวรัสเข้าแล้วกระมัง เพราะเดี๋ยวนี้เวลาเปิดดูอีเมล์แต่ละที่ มันช้ามากโดยเฉพาะฮอตเมล์
ขอบคุณๆ แอน คุณน้องลูกหมี คุณกอไก่หัวโต และคุณเกลียมัว แหมชื่อคุณสองคนนี่เรียกยากจังครับ โดยเฉพาะคุณเกลียมัว เพราะผมจะผวนกลับเสียเรื่อย
โดยคุณ : พร เมืองใต้ - [ 21 มิ.ย. 2002 , 0:38:24 น.]

ตอบ
(พยักหน้าหงึกๆ) สงสารคนคงจะดีกว่าอิจฉาคนแน่ค่ะ เพราะสงสารคนที่แย่กว่าเรานี่
โดยคุณ : เพียงจันทร์ - [ 21 มิ.ย. 2002 , 19:32:08 น.]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
ข้อความ




กรุณาคลิกที่ปุ่ม Post message เพียงครั้งเดียว 



All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace surfers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.