เมื่อหนังสือผมหาย.....
Home Page
samgler connection members information discuss library misc. web board contact us

กระดานสนทนาสามเกลอ (Read Only)



เมื่อหนังสือผมหาย.....
เมื่อวานผมกลับไปบ้าน หลังจากเสร็จสิ้นงานการประจำวันแล้ว ก็เห็นว่า หนังสือใหม่ที่ผมสั่งมาจากอินเตอร์เน็ทหายไป 1 เล่ม

โธ่ ... ยังไม่ได้อ่านสักกะหน้าเลยครับ สั่งมาหยกๆ เมื่อวานสองเล่ม วันนี้หายไปเล่มนึงแล้ว มันน่าโมโหจริงๆ ครับ ยังดีที่ "เขา" ไม่เอาไปทั้งสองเล่ม ไม่งั้นคงโมโหกว่านี้

ผมรู้ทันทีว่าต้องเป็น "เขา" แน่ที่เอาหนังสือผมไป เพราะก่อนผมกลับบ้านเมื่อวานผมรู้ว่า "เขา" จะมาเยี่ยมผมที่บ้าน ซึ่งเรื่องหนังสือในบ้านนี่ ผมไม่อยากให้ใครเห็น ใครพบเลย เพราะใครก็ตามที่มาบ้านผม มันจะมาวนๆ แถวหิ้งหนังสือผมประจำ และไม่น้อย ที่จะขอยืม หยิบติดมือกลับไปบ้าน ซึ่งผลที่ได้รับคือ ส่วนมากจะหายไปเลย น้อยเล่มมากที่จะได้กลับมาที่บ้านผมอีกครั้ง

อาจจะว่า คนที่ยืมไปมักคิดว่า โอ้ย กะอีแค่หนังสือแค่นี้ เอามาคืนเมื่อไรก็ได้ หรือพี่ซื้อใหม่เองแล้วกัน ฮึ่มๆ เล่นเอาผมแค้นนิดๆ เหมือนกัน ทำไมไม่หัดซื้อเองบ้างนะ เล่นมาหยิบของเราไปแบบนี้ น่าโมโหจริงๆ จะยืมจะคืนเมื่อไรก็ไม่บอกด้วย บางทีหยิบไปเฉยๆ งั้นล่ะ หลังๆ ผมต้องหอบหนังสือไปซ่อน เช่นเอาไปไว้ชั้นบนของบ้าน หรือเอาไปเก็บในตู้กับข้าว หนังสือบางเล่ม ไม่อยากไปหาซื้อใหม่เลย เพราะผมไม่ค่อยมีโอกาสไปเดินซื้อนัก ประกอบกับว่า แต่ก่อนสมัยเด็กๆ ผมมีหนังสือแยะมาก แล้วค่อยๆ หายไปจนหมด นี่เท่ากับผมต้องเริ่มเก็บสะสมใหม่อีกรอบ แต่ก็ต้องมาค่อยๆ หายไปอีกจากนักยืมทั้งหลาย

จะว่าไปแล้ว "เขา" ก็เป็นคนสอนให้ผมรักการอ่านนี่เอง "เขา" กับผมรู้จักกันมาร่วม 30 ปี แล้ว สมัยผมอยู่กับ "เขา" ก็มีหนังสืออ่านมากมายไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไม "เขา" ชอบซื้อหนังสือมาอ่าน ส่วนมากเป็นเรื่องสั้น หรือพ๊อกเก็ตบุ๊ค ยิ่งยี่ห้อ ต่วยตูน นี่ จะล้นบ้านไปหมด นอกจากนี้ยังมีหนังสือเก่าๆ อีกแยะ เช่นของ ป.อินทรปาลิต, มนัส จรรยงค์ และนักเขียนรุ่นเก่าๆ อีกมากมาก หนังสือมันมากจนกระทั่งภรรยา "เขา" ต้องยกไปขายทิ้งบ้างในบางครั้ง ผมนึกถึงตอนนี้แล้ว เสียดายว่า น่าจะเก็บหนังสือเหล่านี้ไว้บ้าง มันช่างมีคุณค่ามาก ไม่สมควรไปนอนอยู่ที่ร้านขายของเก่า หรือตามรถรับซื้อหนังสือ สิ่งที่พอจะทำให้รู้ว่าหนังสือนั้นมีค่าคือ ในตอนประถม 6 ผมเคยได้รับการประกาศชื่อออกทางลำโพงไปทั่วโรงเรียนมาแล้ว ในฐานะคนที่ทำคะแนนภาษาไทยได้ดีที่สุด ชนะคนที่เคยครองตำแหน่งนี้มาหลายหน (คนที่ว่านี้นามสกุลดังมาก) จนเพื่อนๆ พากันทึ่งไปตามๆ กันที่เด็กอย่างผม นามสกุลก็ไม่ดัง มาชนะคะแนนภาษาไทยได้ไง และตั้งแต่นั้นมา ผมก็เห็นคุณค่าของหนังสือมากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากผมอยู่กับ "เขา" มาได้ 28 ปี ผมก็แยกบ้านมาอยู่เอง ดังนั้นการสะสมหนังสือผมก็จะเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง พอมีบ้าน (เช่า) เป็นของตัวเองแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเอาหนังสือเราไปทิ้งอีกแล้ว แต่ก็ไม่วายจะมี "เขา" ที่มาเยี่ยมแล้วมักหยิบหนังสือผมไปเสมอๆ ซึ่งเป็นอันแน่นอนว่า มันต้องหายไปจากบ้านผมแบบไม่มีวันกลับ

ผมนั่งจมกับความคิดอยู่ตรงนั้น ตามองที่ชั้นหนังสือ และนึกถึงหนังสือที่หายไป ความหลังเก่าๆ ผุดมาเรื่อยๆ และผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ผมไม่ค่อยให้อะไร "เขา" เลย ทั้งๆ ที่ "เขา" เป็นคนให้ไอ้โน่นไอ้นี่กับผมมาแยะแล้ว รวมทั้งปลูกฝังการรักการอ่านให้ผมด้วย ไม่มีอะไรจะดีเท่ากับมอบของที่ "เขา" ชอบกลับไปให้แบบนี้แล้ว คือมอบหนังสือให้ "เขา" ไปเป็นการตอบแทนบ้าง

ดังนั้นก็เลยคิดว่า ต่อไปนี้นอกจากจะให้ "เขา" มาหยิบหนังสือในบ้านเอาไปอ่านแล้วจะไม่กลับคืนมาอีก ผมยังคิดว่า จะสั่งหนังสือที่ "เขา" ชอบ แล้วส่งไปให้ด้วย หรือเอาไปมอบให้เป็นของขวัญในวาระเทศกาลต่างๆ คงจะดีไม่น้อย


"เขา" ที่ว่ามานี่ ก็คือพ่อผมเองล่ะครับ แหะๆ..... ฮึ ... มาบ้านผมทีไร แอบหยิบหนังสือกลับไปทุกที...น่าตีจริงๆ
โดยคุณ : ble3d - ICQ : 21526438 - [ 21 มี.ค. 2002 , 11:04:42 น. ]

ตอบ
เหมือนพ่อผมเลย
โดยคุณ : fom - [ 21 มี.ค. 2002 , 12:16:28 น.]

ตอบ
อือ "เขา"ของผมนี่ต้องใช้คำว่า "พวกเขา" แหะ ถึงจะถูก มีทั้ง อา น้า สารพัด ชอบยืม "ลืม" กันทั้งน้าน หลายเดือนก่อนไปบ้านอาที่ระยองยังเห็นสามเกลอของผมวางบนชั้นหนังสือแกตั้งหลายสิบเล่ม เฮ้อออออออ
โดยคุณ : เกลียมัว - [ 21 มี.ค. 2002 , 12:37:42 น.]

ตอบ
นั่นล่ะ ผมต้องไปซ่อนในตู้กับข้าวน่ะ ถึงจะรอดสายตานักยืมไปได้ อิอิ เปิดตู้กับข้าว แทนที่จะเจออาหาร เจอแต่สามเกลอเต็มไปหมด
โดยคุณ : ble3d - ICQ : 21526438 - [ 21 มี.ค. 2002 , 13:43:53 น.]

ตอบ
อิอิ....เดาตอนจบถูกแฮะ
ตะ"พวกเขา"ของป๋มนี่ม่ายหวายฮับ

มีลุงบ้านตรงข้ามมายืมปายอ่าน(นานแล้ว) อ้ายป๋มก็ดีจายเห็นว่ามีคนชอบเหมือนเราก็ห้ายยืมปาย(ปกอ่อนของผดุงศึกษาฮับ) ที่หนายด้าย ตอนกลับมานี่ เจอทั้งม้วน พับหน้า เปิดคว่ำไว้ หนังสือที่ใหม่อยู่ ก็ยับ ปกก็เป็นรอยขาวๆยับๆเต็มเลย บางเล่มที่เก่าหน่อยก็หลุดม่ายก็ขาดเลย จำแทบมะด้าย ต้องมานั่งจดไว้ว่าเล่มไหนชำรุดจะได้ซื้อใหม่... ตอนนั้นป๋มยังเด็กอยู่เลย ตะก็จำได้ถึงทุกวันนี้แหละฮับ ฝังจายมากกกก

พวกที่ 2 นี่ก็คนแถวบ้านฮับ ตอนนั้นมีงานศพอาป๋ม ป๋มก็อาวปายอ่านที่วัด ตอนกลับปรากฏว่าหายไป 1 เล่ม คือตอนต่อจากมนุษย์จรวดนั่นแหละฮับ หาเท่าหร่ายม่ายเจอเลยตัดจาย พยายามหาซื้อใหม่(ตอนนั้นอยู่ ป.6) หลังจากนั้นผ่านปายปีกว่าๆเข้ารร.มัธยมก็เจอเพื่อนใหม่คนนึงก็คุยกันเรื่อยๆจนเค้าว่าเค้าเคยอ่านสามเกลอนะ อ้ายป๋มก็ดีจาย(ช่วงนั้นกะลังสะสมแนวร่วม) จริงเหรอ ตอนอารายล่ะ เค้าบอกจำมะด้ายเป็นตอนที่มีใครไม่รู้ทำจรวดปายดาวศุกร์ ป๋มก็เออ เราเคยมีนะแต่หายปาย ถามเค้าว่าเอามาจากหนายล่ะที่บ้านก็อ่านเหรอ เค้าบอกเปล่า น้าเค้าไปงานศพแล้วหยิบติดมือมา ป๋มก็ เฮ้ย!...คุ้นๆนาของเราที่หายรึเป่า แล้วตอนนี้อยู่หนายล่ะ เค้าก็ยิ้มแล้วบอกว่า อ๋อตอนที่อ่านน่ะเค้ากะลังหากระดาษก่อไฟพอดี พอเจอแล้วเค้าก็อ่านผ่านๆ อ่านจบเค้าก็ฉีกไปก่อไฟหมดแล้ว!!!!!!
ป๋มงี้อึ้งเลย โห....โชคชาตาเล่นตลกเนาะ อุตส่าห์ทำจายได้แล้วยังมีข่าวคืบหน้ามาให้ช้ำจายอีก หลังจากนั้นตั้งนานกว่าจะหาซื้อใหม่ได้เพราะร้านที่เคยซื้อเค้าก็เลิกขายไปแล้ว

อีกพวกก็คือเพื่อนรุ่นเดียวกันฮับ บางคนก็ส่งคืนมาในสภาพที่เห็นแล้วอยากจาร้องไห้ ที่เด็ดที่สุดคือมีคนนึงเพิ่งย้ายมาเรียนด้วยรู้จักกันใหม่ๆเห็นว่าชอบอ่านหนังสือเลยแนะนำสามเกลอให้ หมอก็ชอบฮับบอกสนุกอย่างโน้นอย่างนี้ ป๋มก็พามาอ่านที่บ้าน จนกระทั่งมีอยู่ครั้งป๋มปายยืมสามเกลอมาจากห้องสมุดแล้วพาเค้ามาบ้านด้วย ปรากฏว่าหนังสือหายฮับ มะรู้มันล่องหนไปยางงาย ป๋มหาทั่วบ้าน ทุกสถานที่ที่เป็นได้ก็ไม่เจอ หมอก็ม่ายรุม่ายเห็น ป๋มก็เลยต้องปายหาซื้อมาใช้ห้องสมุด แถมหาซื้อมะด้ายอีก ต้องซื้อตอนอื่นมาใช้แทน แถมเสียประวัตินักยืมหนังสือห้องสมุดมืออาชีพปายเลย แรกๆป๋มก็ยังมะคิดอารายกะเค้าหรอกฮับ ตะพอปลายๆเทอมเค้าก็ย้ายที่เรียนอีก พร้อมๆกับ สามเกลอเล่มก่าวๆของแม่ ที่บ้านป๋มหายปายด้วย ป๋มก็เลยแน่จายว่าหมอนี่แหละ...ฆาตกร เอ๊ย!.นักย่องเบา เพราะช่วงนั้นก็มะมีครายมาที่บ้าน นอกจาเค้า ตะก็ทำอะไรมะด้ายแล้วฮับ มะรู้ว่าปายอยู่ที่หนายแล้ว แต่ป๋มก็ยังจำชื่อเค้าได้นาฮับ ตั้งกะ ม. 1 นู่น...อย่าห้ายเจออีกนา..(ทุกวันนี้ถ้ากลับบ้านก็พยายามหาดูครับ เผื่อเค้าจาบริสุทธิ์ ตะหามาหลายปีแล้วก็ยังมะมีวี่แววเลย)

จากเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ ป๋มเลยค่อนข้างที่จะเป็นแบบที่เพื่อนๆเรียกว่า"งก"หรือหวงของนั่นเอง อ้ายป๋มก็ม่ายรุจาพูดยางงาย ถ้าเค้ายืมดีๆ ถนอมของๆเราหน่อย ใครเค้าจาหวง นี่พวกเล่นเอาปายมะบอก แล้วก็ทำร้ายทุกอย่างเท่าที่คนๆนึงจาทารุณกะหนังสือเราได้ บางทีก็ม่ายคืนซะอีก พอเราไม่อยากให้ยืมก็ว่าหวง เฮ้อ..อออ ทามจายลำบากฮับ มิตรภาพดีๆมีค่ามากกว่าหนังสือเล่มนึงฮับ แต่ที่เค้าทำร้ายบ่อยๆน่ะมะช่ายหนังสือหรอกตะเป็นจิตใจดวงน้อยๆที่รักหนังสือของป๋มตะหาก ตะก็มะถึงกะเสียเพื่อนเพราะหนังสือหรอกนิ..

อ้าว....จู่ๆไหงบ้าน้ำลายหว่าป๋ม.....คุณbleคงมะว่ากานนาฮับ ที่ป๋มอาวอดีตอันแสนขื่นขมมาเล่าในกระทู้ที่น่าประทับจายเนี่ย....ติดลมปายหน่อยฮับ..
โดยคุณ : ประชา - [ 21 มี.ค. 2002 , 15:30:01 น.]

ตอบ
ของผมมีแต่เขาคนเดียวที่หวังดีกับผมมากแต่ก็เอาหนังสืออ่านเล่นผมไปทิ้งเสมอแต่ผมก็รักเขามาก
โดยคุณ : เจ้าคุณปัจจนึกพินาศ - [ 21 มี.ค. 2002 , 21:33:08 น.]

ตอบ
ชักจะฉายแววไส้แห้งกันหลายคนแล้ว เอาเลยครับ เดี๋ยวนี้เขาไม่ไส้แห้งกันแล้ว หมึกแห้งอย่างเดียว
โดยคุณ : ป้อมดอนเมือง - [ 21 มี.ค. 2002 , 22:01:53 น.]

ตอบ
อ่านแล้วเศร้า นึกถึงความหลังเหมือนกันครับ เสียหนังสือดีๆ ไปหลายเล่มเหมือนกันโดยเฉพาะนิยายวิทยาศาสตร์รุ่นเก่าๆ (สำนักพิมพ์มังกรมั่ง ออบิทมั่ง) และการ์ตูนดิสนีย์อีกตั้งบะเร่อ ส่วนใหญ่ตัวการเป็นเยาวชนครับ ลูกน้า ลูกอา ลูกเจ็ก ลูกแปะ ยืมแล้วก็แล้วกัน ไอ้เราจะไปตามทวงถามก็เกรงใจ ฮ่วย
โดยคุณ : odda - [ 22 มี.ค. 2002 , 12:45:38 น.]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
ข้อความ




กรุณาคลิกที่ปุ่ม Post message เพียงครั้งเดียว 



All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace surfers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.