สงสัยดีนะครับว่าตามปกตินี่ ฝ่ายหญิงหลังแต่งงานต้องไปอยู่บ้านฝ่ายชาย แต่ดิเรกกลับมาอยู่บ้านเจ้าคุณปัจจานึกฯ แปลกดีนะครับใครทราบคำตอบช่วยบอกด้วย

อันนี้จริง ๆ อย่างงัยผมไม่รู้นะ แต่ลองคิดดูเล่น ๆ ปกติการแต่งงานเราก้อมักจะไปจัดที่บ้านเจ้าสาวการยกขันหมากก้อมี ต้นกล้วย ต้นอ้อย ไปปลูกที่บ้านเจ้าสาวอีกนะหล่ะ เห็นอย่างนี้นึก ๆ ก้อน่าจะหมายถึงไปลงหลักอยู่ที่บ้านเจ้าสาวนะครับ

มีกรณีศึกษาอีกอย่างหนึ่งครับ ทางเหนือ(แถวทางบ้านผมนะครับ) เราจะไปสู่ขอเจ้าสาว หมั้นหมาย หาฤกษ์และกำหนดวันแต่ง พอถึงวันแต่งญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะมาขอเจ้าบ่าว พร้อมเงิน 12 บาท เพื่อมาแต่งงานและอยู่บ้านเจ้าสาว หากแต่งเสร็จก้อต้องอยู่ที่บ้านเจ้าสาวครับ จะกลับบ้านได้ต้องให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวมาขอกลับอีกที (ปกติจะขอกลับไปทำงาน หรือทำนาครับ)
เอ..มาถึงตรงนี้เข้าจริง ๆ ผมมีความรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านไหนก้อได้มั้งครับ เพราะอย่างคนรวย ๆ สมัยก่อนเราก้อเห็นออกมาปลูกเรือนเอง ก้อมีเยอะ

ตามทำเนียมไทยแท้ ๆ แล้ว การที่ผู้ชายจะแต่งเข้าบ้านผู้หญิงถือเป็นเรื่องปกติ (แต่เรามักจะคุ้นกับธรรมเนียมจีนหรือประเพณีราชสำนักอยุธยามากกว่าก็ได้) โดยอาจจะให้ปลูกใกล้ ๆ กันหรือในที่ดินผืนเดียวกันก็ได้ แต่มีพิเศษก็คือมักจะกำหนดให้ลูกสาวคนเล็กและลูกเขยได้เป็นผู้ครอบครองบ้านเรือนของพ่อแม่ฝ่ายหญิง โดยถือว่าลูกสาวคนเล็กอยู่ดูแลพ่อแม่มากที่สุด เพราะพี่สาวคนก่อน ๆ นั้น (ถือว่า) พ่อแม่ได้ช่วยเหลือให้มีเหย้ามีเรือนไปก่อนแล้ว

ผมว่าเจ้าคุณปัจจนึก ฯ คงจะพิศวาส ดิเรกมาก ไม่เหมือนนิกรที่ เจ้าคุณหมั่นไส้สุดๆ

ผมว่าสาเหตุที่ ดร.ดิเรก มาอยู่ที่บ้านของ
เจ้าคุณปัจจนึกฯ เพราะว่า อุปกรณ์ในการ
ทดลองทางวิทยาศาสตร์ของดิเรก ได้ขนมา
ไว้ที่บ้านของเจ้าคุณปัจจนึกทั้งหมด ในคราวที่ทดลองชุบคนตายให้ฟื้น ในตอน
เดชผีดิบ นะจ๊ะ...

เท่าที่ผมทราบมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จะคล้าย ๆ กับคุณพะเนียดย่ะครับ คือแบบจีนแต่งผู้หญิงเข้าบ้าน แบบไทยแต่งเข้าบ้านผู้หญิง
แต่สำหรับตัวผมเองไม่รู้จะมีโอกาสแต่งกะเค้าบ้างหรือเปล่า อืมมม หรือจะวิวาห์เหาะดี

ขอคุณครับ